เรื่องราวความชอกช้ำใจหัวอกคนเป็นแม่ ถูกลูกชายแท้ๆ ฟ้องดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ ทั้งที่ผู้เป็นแม่ป่วยเป็นมะเร็งต้องตัดเต้านมทิ้ง หลังมีกรณีพิพาทกันเรื่องที่ดิน ล่าสุดลูกชาย ยันฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์
คุณยายเสาวนิจ อายุ 83 ปี อาศัยอยู่ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี เล่าให้ฟังว่า แต่งงานอยู่กินกับนายสมนึก สามี มานานกว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน ช่วงที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวตนทำสวนเก็บเงินเก็บทองจนซื้อที่ดินเก็บไว้หลายแห่ง โดยสามีได้แบ่งที่ดินย่านบางกรวยให้ลูก 3 คน คนละ 161 ตารางวา มูลค่าหลายสิบล้านบาท มีเพียงลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มาทราบภายหลัง ต่อมาจึงสอบถามกรมที่ดินพบว่ามีคนเซ็นชื่อแทนตน แต่ก็ไม่ได้ติดใจฟ้องร้อง เพราะคนที่ทำเป็นสามีกับลูก
แม่เฒ่าร่ำไห้ โดนลูกชายแท้ๆ ฟ้องฉ้อโกงที่ดิน
ตรวจหวย – ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 มีนาคม 2565 ลอตเตอรี่ 16/3/65
หลังสามีเสียชีวิต ตนได้ทำเรื่องยกที่ดิน 161 ตารางวา ที่เป็นชื่อสามีให้กับนางสาวธวัลรัตน์ บุตรสาวคนโต เพื่อความยุติธรรม แต่กลับถูกลูกชายคนรอง คือนายมนัส ยื่นฟ้องในคดี ยักยอกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ ที่นำที่ดินไปยกให้ลูกสาวคนโต โดยไม่บอกกล่าว แต่ศาลยกฟ้องในคดีอาญา เนื่องจากตามกฎหมาย ลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องแม่ในคดีอาญาได้
จนผ่านมากว่า 10 ปี ถูกหมายศาลเรียกให้ไปขึ้นศาลในวันที่ 5 เมษายนนี้ เมื่อเล่าเรื่องมาถึงตรงนี้ ยายเสาวนิจ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
คุณยายเสาวนิจ บอกด้วยว่า เสียใจมาก เพราะส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ จนเติบใหญ่ ได้งานได้การดีๆ ตอนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมต้องตัดเต้านมทิ้งข้างหนึ่ง ลูกชาย(คนที่ฟ้อง) รับราชการยังไม่ยอมมาเซ็นเบิกให้ จนต้องหมดเงินไปเป็นล้านๆ บาทเพื่อรักษาตัว โชคยังดีที่ยังมีลูกสาวคนโตและหลานมาดูแล ส่วนลูกที่เหลือไม่เคยมาสนใจ หวังว่าสักวันหนึ่งลูกอีกสองคน จะมากราบเท้าขอโทษ
ขณะเดียวกันวันนี้ นายมนัส ลูกชายคนที่ 2 ได้ชี้แจงกับทีมข่าวถึงกรณีพิพาทดังกล่าว นายมนัสเปิดเผยว่าสาเหตุที่ นางสาวชวัลรัตน์ พี่สาวคนแรก ไม่ได้สมบัติอะไรจากพ่อเลย เป็นเพราะก่อนหน้านี้แม่ได้ยกที่ดิน 40 ไร่ ที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมรถกระบะ บ้านและที่ดินย่านตลิ่งชันให้ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ที่ดินที่ จ.กาญจนบุรี อยู่ระหว่างประกาศขาย นอกจากนี้นางรัตนายังได้ครอบครองที่ดิน ที่ จ.สุพรรณบุรี 5 ไร่ ซึ่งแม่ได้ยกให้และตอนนี้ถูกขายไปแล้ว
บุกทลายเครือข่ายขายใบรับรองโควิด-19 ปลอม
ส่วนลูกอีก 3 คน ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับอะไรจากแม่เลย พ่อจึงแบ่งที่ดินของพ่อ 4 แปลง ที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ให้ลูกอีก 3 คน คนละ 161 ตารางวา ที่ดินแปลงแรก เป็นของ นางรัตนา ลูกสาวคนที่ 3 แปลงที่ 2 เป็นของ นายมนัส ลูกชายคนที่ 2 แปลงที่ 3 เป็นของ นางสาวอรสา น้องสาวคนสุดท้อง แต่นางสาวอรสาเสียชีวิตเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ที่ดินจึงตกเป็นของแม่โดยชอบธรรม ซึ่งนายมนัส อ้างว่าพี่สาวอยากได้ที่ดินแปลงนี้จึงพาแม่ไปแจ้งความว่าโฉนดตัวจริงหายและขอใบแทนที่กรมที่ดิน และให้แม่เซ็นมอบที่ดินแปลงนั้นให้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
ส่วนที่ดินแปลงสุดท้ายที่ยังเป็นชื่อพ่อ เมื่อพ่อเสียแล้วที่ดินแปลงนี้จึงตกเป็นของแม่โดยชอบธรรม ซึ่งนายมนัสอ้างว่าพ่อได้เขียนพินัยกรรมไว้เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2542 ระบุว่าหากพ่อเสียชีวิตให้นายมนัส ลูกชายคนที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกและแบ่งที่ดินของพ่อให้กับหลาน ๆ แต่แม่ได้ยกที่ดินแปลงนี้ให้ลูกสาวแรก ซึ่งตอนนี้ที่ดินแปลงนี้ได้ถูกขายไปแล้ว
นายมนัส บอกอีกด้วยว่าสิ่งที่แม่ทำแสดงให้เห็นว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดแม่ ตนเข้าใจแม่ว่าพี่ถูกพี่สาวกล่อมให้ทำตาม ซึ่งแม่รักพี่สาวคนโตมากกว่าอยู่แล้วจึงทำตามที่พี่สาวบอกทุกอย่าง
ส่วนเรื่องที่ตนรับราชการกรมอู่แล้วไม่ได้เซ็นเบิกค่ารักษาให้แม่ตอนนั้น ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ว่าการเบิกเงินนั้น ตามขั้นตอนต้องสำรองเงินไปก่อนจนกว่าจะทำเรื่อง แต่ยังไม่ทันไรพี่สาวก็พาคุณแม่ไปหาหัวหน้าของตนเองที่กรมอู่
เลื่อนชันสูตรร่าง “แตงโม”รอบสอง 22 มี.ค.
จากนั้นก็จะขอเร่งรัดให้รีบทำเรื่องเบิกเงิน จนตนต้องถูกหัวหน้าตั้งกรรมการสอบ จนกระทั่งหัวหน้าพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคลาดเคลื่อนไม่ใช่เรื่องจริงตนจึงพ้นข้อครหา เรื่องนี้ตนอยากให้สังคมเห็นใจเข้าใจตนด้วยคนเป็นลูกทะเลาะกับแม่ยังไงก็ผิดทั้งๆที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline