เผยแพร่:
ปรับปรุง:
กาญจนบุรี – โล่งใจไม่ติดเชื้อโควิด-19 พบ 12 แรงงานชาวพม่า ถูกทิ้งที่ศาลาตลาดค่ายสุรสีห์ ช่วงเย็นวานนี้ ที่แท้นายจ้างเบี้ยวค่าแรง ต้องไปหางานทำกับนายจ้างใหม่ที่ อ.บ่อพลอย แต่ยังไม่ทันสมัคร เจอนายจ้างเก่าโทร.ขู่นายจ้างคนใหม่ให้ส่งกลับ แต่คนขับดันพามาปล่อยที่ศาลา จนเป็นเรื่องเป็นราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์มีการแพร่ภาพแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวน 12 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 4 คน ถูกนายจ้างนำขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แค็บ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาทิ้งเอาไว้ที่ศาลาพักริมทาง ถนนสายลาดหญ้า-บ่อพลอย ทางหลวงหมายเลข 3086 หน้าตลาดค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 17 (มทบ.17) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้นำตัวแรงงานทั้งหมดส่งไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ผลการตรวจหาเชื้อได้รับการยืนยันจากสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีว่า ผลตรวจเป็นลบ ไม่มีผู้ใดติดเชื้อโควิด-19 สำหรับแรงงานทั้ง 12 ราย มีเอกสารทำงานเป็นใบพาสปอร์ตที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวทราบว่า แรงงานทั้ง 12 ราย ได้เดินทางไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.ลาดหญ้า จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบแรงงาน จำนวน 8 ราย นั่งรออยู่ที่สนามหญ้าเพื่อรอให้ปากคำ ส่วนแรงงานอีก 4 ราย อยู่ระหว่างให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.บัญชา ศรีรุจิเมธากร ผกก.สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ต.สุรัตน์ ว่องมหาชัยกุล สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี ได้ติดต่อนายจ้างของแรงงานทั้ง 12 คน ผ่านทางโทรศัพท์เพื่อให้เดินทางมาให้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า ซึ่งทางนายจ้างรับปากว่าจะเดินทางมาพบเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริง มี พ.อ.ศตายุ จันตาศาลา รองเสธ มทบ.17 พ.อ.เชาว์ ธีระชาติ หัวหน้ากองข่าว มทบ.17 เจ้าหน้าที่ สห.สังกัดมณฑลทหารบกที่ 17 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และเจ้าหน้าที่ ปคม.เดินทางมาสังเกตการณ์
สำหรับการสอบปากคำแรงงานทั้ง 12 ราย ต้องสอบปากคำผ่านล่าม เนื่องจากทุกคนไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ ดังนั้น พ.ต.ท.สำเริง ศิลปะสำราญ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า จึงประสาน พ.อ.อภิสิทธิ์ เกียรติโสภณ นายทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ มาช่วยเป็นล่ามแปล
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายแทะอู อายุ 19 ปี 1 ใน 12 แรงงานให้การว่า ตนเองเป็นชาว อ.เย จ.ทวาย ประเทศพม่า เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 โดยใช้ช่องทาง จ.ระนอง โดยเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในโครงการเอ็มโอยู โดยมีเอกสารการทำงานเป็นใบพาสปอร์ต และเข้ามาทำงานตามใบอนุญาตที่กระทรวงแรงงานเป็นผู้ออกให้ สำหรับสถานที่ทำงานครั้งแรกอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างมาโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเองกับภรรยาได้ย้ายมาทำงานก่อสร้างกับบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม แต่ทางบริษัทได้ส่งตนมาทำงานก่อสร้างในพื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยเงินค่าแรงจะออกทุก 15 วัน หัวหน้าคนงานก่อสร้างจะนำเงินมาจ่ายให้ทุกครั้ง
แต่มาภายหลังพวกตนเองทั้ง 12 คน ทำงานผ่านไป 3 สัปดาห์ ปรากฏว่า หัวหน้าคนงานนำเงินค่าแรงมาจ่ายให้ไม่ครบจำนวน 15 วัน พวกตนเองจึงสอบถามหัวหน้าคนงานจึงทราบว่า ทางบริษัทจ่ายเงินมาให้ไม่ครบ ได้พยายามทวงถามเงินจากหัวหน้าคนงานหลายครั้ง จนบางครั้งต้องมีปากเสียงกัน
จากนั้นตนเองจึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนแรงงานชาวพม่าด้วยกันที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.บ่อพลอย เพื่อหางานทำ ซึ่งเพื่อนแจ้งว่ามีงานให้ทำ จากนั้นวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนกับเพื่อนคนงานทั้ง 12 คน จึงแจ้งให้หัวหน้าคนงานทราบว่า พวกตนจะขอออกจากงานเพื่อไปทำงานกับนายจ้างคนใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จากนั้นจึงได้ว่าจ้างรถยนต์โดยสารให้ไปส่งตามที่อยู่ที่เพื่อนส่งมาให้ เมื่อไปถึงพบว่างานที่จะต้องทำเป็นงานเกี่ยวกับการเกษตร
โดยพวกตนพักอยู่ภายในห้องที่เพื่อนจัดเอาไว้ให้ จำนวน 2 ห้องโดยที่ยังไม่ได้ไปสมัครงาน จนกระทั่งวันที่ 28 ม.ค.เพื่อนได้มาแจ้งให้พวกตนทราบว่า นายจ้างคนเก่าได้โทรศัพท์มาหานายจ้างคนใหม่เพื่อตามให้กลับไปทำงาน หากไม่ยอมกลับจะแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจ้างให้ถึงที่สุด
ดังนั้น นายจ้างคนใหม่จึงให้คนขับรถยนต์กระบะพาพวกตนมาส่งให้นายจ้างคนเก่า โดยเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 28 ม.ค.คนขับได้จอดให้พวกตนลงจากรถที่ศาลาพักผู้โดยสารใกล้กับตลาดสดค่ายสุรสีห์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารมาพบ และได้เข้ามาสอบถาม พร้อมกับนำตัวพวกตนไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล แต่ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำแรงงานแต่ยังไม่แล้วเสร็จ และนอกจากสอบปากคำแรงงานชาวาทั้ง 12 รายแล้ว จะทำการสอบปากคำนายจ้างทั้งรายเก่าและนายจ้างรายใหม่ เพื่อเก็บข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนจะดำเนินคดีกับใครหรือไม่อย่างไรนั้นจะรายงานให้ทราบต่อไป