วันที่ 16 ก.พ. 2564 เวลา 20:42 น.
กาญจนบุรี-ผช.ผบ.ตร.นำสมุน”เจ๊เพชร”เครือข่ายลักลอบนำแรงงานชาวเมียนมาเข้าประเทศต้นเหตุโควิด-19 ระบาดที่จ.สมุทรสาครชี้จุดทำแผนประกอบสำนวนคดียันยังไม่พบเจ้าหน้าที่เข้าไปพัวพัน
จากกรณี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย ในห้วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จับกุมขบวนการหรือเครือข่ายนำพาแรงงานต่างด้าวมากกว่า 10 เครือข่าย หนึ่งในเครือข่ายที่สำคัญ คือ เครือข่ายของ นางราตรี เวชสุวรรณ หรือ “เจ๊เพชร” อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญและเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในการนำเข้าและส่งออกแรงงานชาวเมียนมาเข้าสู่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร และเกี่ยวพันต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ โดย “เจ๊เพชร” ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ฝั่งไทย ประสานกับเอเย่นฝั่งประมาเมียนมา
ทั้งนี้ เมื่อมีแรงงานที่ต้องการเข้าประเทศไทย จะต้องเสียค่าดำเนินการตั้งแต่ 6,000-12,000 บาท และเอเย่นต์ในเมียนมาจะออกเอกสารผ่านแดนให้แรงงาน หรือ Border pass และเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หรือหากไม่มีเอกสารผ่านแดน ก็ลักลอบเข้ามาทางชายแดนธรรมชาติ การแถลงมีขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.พ.พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาลงจอดที่ลานหน้าอาคารด่านศุลกากร บ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า เพื่อนำตัว นายเอมีล อายุ 30 ปี แรงงานชาวเมียนมาสมุนของเจ๊เพชร ที่ทางเจ้าหน้าที่กันเอาไว้เป็นพยานในคดีมาชี้ทำแผนตามจุดต่างๆ เพื่อประกอบในสำนวนคดี หลังจากที่ศาลอาญารัชดาออกหมายจับนางน้ำเพชร
จากนั้นได้นำตัวนายเอมีล ชาวเมียนมา สมุนของเจ๊เพชร ไปชี้จุดเส้นทางเข้าออกระหว่างประเทศบริเวณชายแดนติดกับฐานกองร้อยทหารพรานที่ 1111 ที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านทิกิ ประเทศเมียนมา ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้นนำไปชี้บริเวณบริเวณจุดตรวจเอกสารผ่านเข้า ตม.กาญจนบุรี และนำพาไปชี้จุดที่หน้าบ้านพักของนางน้ำเพชร ท้องที่หมู่ 14 ต.บ้านเก่า และที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองจุดเป็นจุดที่มีการจ่ายเงินค่าหัวรวมทั้งเปลี่ยนรถยนต์เพื่อนำแรงงานไปที่จ.สมุทรสาคร
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะพนักงานสอบสวน ได้นำตัว นายอามีนไปชี้จุดภายในเต้นท์ในพื้นที่อำเภอท่ามะกา 2 แห่ง และนำพาไปชี้จุดบริเวณภายในบ้านเช่าที่อยู่พื้นที่ ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมชี้จุดเพื่อทำแผนที่ประกอบสำนวนในคดี 7 จุด
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า วันนี้เรานำพยานที่ให้การว่ากลุ่มของเจ๊เพชรมีการนำแรงงานหรือคนต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางไหนและมีลักษณะแบบไหนและทำอย่างไร เราก็จะทำเป็นแผนประกอบ พร้อมอธิบายเพื่อประกอบในสำนวนการสอบสวน ช่วงที่แรงงานเข้ามาในประเทศไทยเขาจะมีเอกสารผ่านแดน หรือ Border Pass ฉะนั้นเราก็จะถามว่า เมื่อผ่านเข้าไปแล้วได้มีการไปกระผิดกฎหมายอย่างอื่นหรือไม่ อันนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรก หลังจากนี้ก็จะไปทำแผนโดยให้พยานชี้ตามจุดต่างๆ ว่าแผนประทุษกรรมของเจ๊เพชรนั้นทำอย่างไรบ้าง
จากการสอบสวนพบว่า แรงงานชาวเมียนมาเข้ามาภายในประเทศก่อนที่เชื้อไวรัสโควิด-19 จะระบาดในรอบแรก แต่ขณะนี้การสอบสวนพยานยังไม่ครบในทุกประเด็น ดังนั้นจึงยังสรุปไม่ได้ จะต้องรอจนกระทั่งการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทุกประเด็นเสียก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ แต่มีความผิดอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นศาลอาญารัชดาคงไม่อนุมัติออกหมายจับได้ ทั้งนี้ตนได้รวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเสนอศาลอาญาที่กรุงเทพฯ และศาลอาญาได้ออกหมายจับทันที
สำหรับ การระบาดของโควิด-19 ที่จ.สมุทรสาครเกี่ยวกับแรงงานที่ไปจากจ.กาญจนบุรีหรือไม่อยากบอกว่าเกี่ยวพันกันหมด เพราะส่วนหนึ่งที่ไป จ.สมุทรสาครก็ไปจากที่นี่ และมีไป จ.นครปฐม จ.ราชบุรี กระจายไปในหลายพื้นที่ ส่วนการระบาดของเชื้อโควิด-19 จะเกี่ยวกับแรงงานที่ลักลอบจากชายแดนจ.กาญจนบุรีหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้เกี่ยวข้องเพราะมีการนำเข้าอยู่ แต่ไม่ได้เข้าช่องทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนแล้ว แต่จะมีการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติที่เป็นช่องทางอื่น
“ชาวเมียนมาไม่สามารถหลบหนีเข้ามาได้ด้วยตนเอง ไม่สามารถที่จะเดินไปมหาชัยได้ ดังนั้นขาไปต้องมีใครคอยอำนวยความสะดวก ส่วนขบวนการนำพายังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้ามีเมื่อไหร่ผมจับทันที และยังไม่พบว่ามีการจ่ายส่วยให้ใคร ถ้ามีขอให้นำตัวมาให้จะจัดการทันที” ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว