หลัง “กรมทรัพยากรน้ำบาดาล” สำรวจพบแหล่งน้ำพุรสซ่าคล้ายโซดา ที่จ.กาญจนบุรี มากถึง 6 บ่อ ความจริงแล้ว เมืองกาญจน์ยังมีแหล่งน้ำพุร้อน รวมแล้วมากถึง 6 แห่ง ในอีกหลายอำเภอ
จากกรณี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่สำรวจเจาะบ่อน้ำบาดาลใน ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งของประชาชนในพื้นที่ ต่อมา นายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการ สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล พร้อมคณะเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขุดเจาะบ่อบาดาลดังกล่าวพบว่า 1 ในบ่อบาดาลที่เจาะลึกลงไป 303 เมตร
ที่ตั้งอยู่ริมถนนสาย 3363 หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา เหมือนน้ำดื่มที่ใสสะอาดทั่วไป และมีรสซ่าคล้ายกับโซดา โดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้สำรวจ พบแหล่งน้ำพุธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งไม่เคยพบที่ใดมาก่อนในประเทศไทย คือ มีรสซ่า คล้ายน้ำโซดา และมีรสชาติออกหวานนิดๆ สามารถนำไปผสมเครื่องดื่มแทนน้ำโซดาได้ โดยปัจจุบันมีประชาชนเข้ามาดูในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดยขณะนี้ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้สำรวจพบน้ำบาดาลที่ หมู่ 12 บ้านพยอมงาม จำนวน 4 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ 52 ลบ.เมตร/ชม. และที่ หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ อีก 2 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ 66 ลบ.เมตร/ชม. คิดปริมาตรรวมกว่า 1,700,000 ลบ.เมตร/ปี รวมทั้งสิ้น 6 บ่อ
โดยประชากรจะได้รับประโยชน์ จำนวน 15 หมู่บ้าน 7,000 กว่าครัวเรือน พื้นที่เกษตร 6,000 ไร่ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการก่อสร้างถังประปาบาดาลขนาดใหญ่ ถังเก็บน้ำ ท่อจุดจ่ายน้ำถาวร แบบท่องวงช้าง และต่อเมนเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบประปาของ อปท. ใช้ในการเกษตรต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 4 เดือน
คลิปข่าว
กาญจนบุรีมีมากถึง 6 แห่ง
นอกจากบ่อน้ำบาดาลที่มีรสคล้ายโซดาที่ขุดพบล่าสุดที่ จ.กาญจนบุรีแล้ว ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมทรัพยากรธรณี ยังระบุถึงแหล่งน้ำพุร้อนอื่นๆ ใน จ.กาญจนบุรีที่มีมากถึง 6 แห่ง ประกอบด้วย
- แหล่งน้ำพุร้อน ท้องช้าง อ.ไทรโยค
- แหล่งน้ำพุร้อนหินดาด อ.ทองผาภูมิ
- แหล่งน้ำพุร้อนบ้านน้ำพุร้อน อ.ทองผาภูมิ
- แหล่งน้ำพุร้อนบ้านเขาพัง อ.ไทรโยค
- แหล่งน้ำพุร้อน บ้านต้นลำไย อ.หนองปรือ
- แหล่งน้ำพุร้อน บ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
แหล่งน้ำพุร้อน 112 แห่ง
สำหรับแหล่งน้ำพุร้อนถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำร้อนไหลขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในโลกยังคงมีความร้อนอยู่ ปัจจุบัน พบแหล่งน้ำพุร้อน 112 แหล่ง กระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ วัดอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40 – 100 องศาเซลเซียส โดยทั่วไปเรารู้จักน้ำพุร้อนเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามหัศจรรย์ แต่น้ำพุร้อนยังสามารถนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้า ด้านอุตสาหกรรม และการเกษตรกรรมอีกด้วย
ขณะที่แหล่งน้ำแร่โซดา ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ขุดค้นพบนี้ เป็นรอยแตกของชั้นหินแปร ที่อยู่ลึกลงไปจากพื้นดิน 303 เมตร เมื่อเจาะลงไปถึงพบน้ำดังกล่าวพุขึ้นมาเองทันที โดยพุ่งขึ้นมาในปริมาณมากกว่า 50 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง คุณสมบัติของน้ำ ตรวจสอบเบื้องต้น โดยห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบน้ำบาดาล ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ จ.สุพรรณบุรี พบว่า มีค่า pH หรือค่าความเป็นกรดด่างอยู่ที่ 6.75 คุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำธรรมดามาก ไม่เจอสารพิษใดๆ ปนเปื้อน
สั่งติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำพุโซดา คาด 7 วันแล้วเสร็จ ปชช.เตรียมดื่มได้
ความคืบหน้ากรณีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่เจาะบาดาลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ในที่สุดสามารถเจาะบาดาลในพื้นที่หมู่ 12 บ้านสระตาโล ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย ได้ จำนวน 3 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ จำนวน 52 ลบ.ม./ชม. และที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจาอีก จำนวน 2 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ 66 ลบ.ม./ชม.คิดปริมาตรรวม 1,700,000 กว่า ลบ.ม./ปี ประชากรจะได้รับประโยชน์ จำนวน15 หมู่บ้าน 7,000 กว่าครัวเรือน พื้นที่เกษตร 6,000 ไร่
แต่ที่สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยทั้งประเทศก็คือรสชาดของน้ำซ่าคล้ายโซดา ซึ่งถือว่าเป็นบ่อบาดาลแห่งแรกของประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันบ่อบาดาลที่มีรสชาติซ่าคล้ายโซดานั้นมีพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างเขต อ.บ่อพลอย และ อ.ห้วยกระเจา ชาวบ้านจึงเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาไม่สามารถกระจายน้ำไปให้ชาวตำบลห้วยกระเจาได้ใช้
ต่อมาวันที่ 15 ก.พ. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แถลงผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยจากผลการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า บาดาล 3 บ่อ ตั้งอยู่หมู่ 12 ต.บ่อพลอย มีแร่ไบคาร์บอเนต ทำให้มีรสซ่าเหมือนโซดา ซึ่งเป็นน้ำที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทยเท่าที่เคยค้นพบมา
โดยจากการนำคุณภาพน้ำแร่ในประเทศไทยมาเปรียบเทียบ นอกจากนี้ยังนำน้ำแร่จากต่างประเทศมาตรวจเปรียบเทียบพบว่า มีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำแร่ยี่ห้อดังในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบบ่อน้ำแร่ที่มีคุณภาพมากที่สุดในประเทศไทย และปริมาณน้ำใต้ดินมีมากกว่า 500 ล้าน/ลบ.ม.วันแถลงนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ได้ดื่มน้ำแร่โซดาโชว์สื่อมวลชนด้วยตนเอง ซึ่งสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้ 17 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ทั้งขายน้ำอัดลม ผัก ผลไม้ ลูกชิ้น รวมทั้งแม่ค้าลอตเตอรี่ ต่างจับจองพื้นที่บริเวณโดยรอบพุโซดา เพื่อขายให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมพุโซดา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มามีทั้งพระสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บ่อพลอย ยังเดินทางมารักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ขณะเดียวกัน นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี)และนายชลพรรษา บุญซื่อ นักวิชาการทรัพยาธรณีชำนาญการ สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี)พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามสถานการณ์น้ำพุโซดามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล เปิดเผยว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะมีแนวทางในเรื่องของการสำรวจและเจาะสำรวจบ่อบาดาลที่มีลักษณะแบบนี้อีกจำนวน 3 บ่อ โดยพื้นที่ทีจะดำเนินการอยู่ห่างออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ประมาณ 2-3 กิโลเมตร เพื่อให้รู้ว่าศักยภาพชั้นน้ำบาดาลในพื้นที่ที่เรากำลังจะทำการสำรวจใหม่นั้นศักยภาพของแหล่งน้ำบาดาลมีมากน้อยแค่ไหนและคุณภาพของน้ำจะเป็นอย่างไร
ส่วนพื้นที่บ่อน้ำพุโซดาแห่งนี้นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้มีข้อสั่งการให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลของเรามาติดตั้งชุดกรองน้ำเพื่อให้รู้ว่าน้ำสามารถดื่มได้อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำคงต้องใช้เวลาประมาณ 7 วัน
(ข่าว -สุพจน์ แก้วกาสี / เครดิตคลิปภาพ-ชลพรรษา บุญซื่อ นักวิชาการทรัพยาธรณีชำนาญการฯ เขต 2 (สุพรรณบุรี)
ข้อมูลอ้างอิง http://www.dmr.go.th/main.php?filename=hotthai