กรมอุทยาน แจ้งความ ม.157 เอาผิด อดีต นอภ.เมืองกาญจนบุรี กับพวก ฐานละเว้น กรณีออก น.ส.3ก.ทับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ -เขตป่าไม้ถาวร
ตามข้อสั่งการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯให้ดำเนินการ ตรวจสอบและดำเนินคดีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ในเขตป่า โดยให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นเป็นสองเท่า ตามนโยบาย ทส.ยกกำลัง 2+4
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 64 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ผอ.สบอ. 3(บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายสุทธิชัย โผภูเขียว ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สลักพระ และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระจำนวน 10 นาย ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) เลขที่ 2825 จำนวน 99 ไร่ 63 ตาราวา บริเวณบ้านท่ามะนาว หมู่ที่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่ออกในปีพ.ศ.2536 โดยเปลี่ยนมาจากหนังสือรับรองการประโยชน์(น.ส.3) สารบบเล่ม 48 หน้า 81 ซึ่งออกในปี พ.ศ.2521 ตามมาตรา 59 ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ พ.ศ. 2515 เป็นการออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เฉพาะราย ในที่ดินซึ่งบุคคลครอบครองและทำประโยชน์ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ(1ธ.ค.พ.ศ.2497) โดยไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา5ประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมี น.ส.ศิริวรรณ โดดสังข์ ที่อยู่ 83/6 ม.3ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ผู้ดูแลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้อนุญาตและเป็นผู้นำตรวจ
จากการตรวจสอบพื้นที่ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก) ดังกล่าวโดยใช้เครื่องวัดพิกัด ดาวเทียม GPS ตรวจสอบจุดรอบแปลงดังกล่าวจำนวน 35 จุด นำไปตรวจสอบ ปรากฏว่าออกทับอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ประกาศฯในปีพ.ศ.2508 และออกทับในเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2516
เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังเมื่อปีพ.ศ.2495 ถึง พ.ศ.2499 อ่าน ตีแปล ผลภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณดังกล่าว ปรากฏว่าในระยะเวลาดังกล่าวในบริเวณดังกล่าวมีสภาพป่าผลัดใบเต็มแปลง ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ในบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด
จึงเห็นได้ชัดเจนว่า การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 59 ทวิ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.พ.ศ.2515 เพราะไม่ได้มีการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และขัดกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 ข้อ8 (2)ห้ามออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่เขา ที่ภูเขา ที่สงวนห้าม หรือที่ดินที่ส่วนราชการเห็นว่าควรสงวนไว้เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และขัดกับระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2515ข้อ 7(2) และข้อ9(1) การออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องไม่อยู่ในเขตที่ทางราชการ จำแนกไว้เป็นเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3 ก) ดังกล่าว ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องถูกศาลสั่งเพิกถอนตามมาตรา 82 วรรคท้าย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 และตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ผอ.สบอ. 3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตนจึงให้ นายไพฑูรย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เพื่อให้สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ส่งเรื่องให้ ปปช.สอบสวนชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1.คณะกรรมการสอบสวนสิทธิ์ ในที่ดินดังกล่าวตามคำสั่งอนุมัติ ผบ.ทบ.ท้ายบันทึกข้อความ กบ.ทบ.ที่ กห.0318/6666 ลงวันที่ 26 ส.ค.2518 และคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรี ที่1099/2518 ประกอบไปด้วย พ.อ.โสภน โตทรัพย์ อดีต ผบ.จทบ.รบ.(ส่วนแยก ก.จ.) พ.ต.ชาญ สาตร์จิต อดีต ยย.ทบ. ร.อ.เศก ทองไถ้ผา อดีต ยย.จทบ. นายเฉลิม บุญมานุช อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี (เป็นผู้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าวในปี พ.ศ.2521ด้วย)นายโสภณ ชุมวรฐายี อดีตพนักงานที่ดินอำเภอเมืองกาญจนบุรี บุคคลดังกล่าวทั้งหมดได้สอบสวนสิทธิในวันที่ 5 พ.ย.2519 และรับรองว่า บริเวณที่จะออกหนังสือรับรองการการทำประโยชน์ (น.ส.3)ดังกล่าวได้มีผู้อยู่อาศัยทำกินมาก่อน พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2481 และที่ดินแปลงนี้อยู่นอกเขตป่าสงวนหวงห้าม อยู่นอกเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเท็จ บุคคลทั้งหมดจึงมีความผิดตามมาตราปอ.มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐเสียหาย
2.นายวชิระ อุณจักร (ปัจจุปันเสียชีวิตไปแล้ว) อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ในระหว่างปี พ.ศ.2520-2529 ไปรับรองว่าบริเวณดังกล่าวอยู่นอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอันเป็นเท็จ จึงมีความผิดตามปอ.มาตรา157
3.นายวีระ พานิชการ ชาวกรุงเทพฯผู้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)ดังกล่าวในปีพ.ศ 2519 โดยให้ถ้อยคำว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นของนายสมปองฯทำประโยชน์มาประมาณ 40 ปี ต่อมาในปีพ.ศ 2500 ได้โอนขายให้กับจ่าสิบตรี จำเนียรฯ จนกระทั้งในปีพ.ศ. 2516 จึงโอนขายให้ตนเอง อันเป็นเท็จ โดยมีนายวินิจ เหมือนจิตติ์ อดีตกำนันตำบลวังด้ง จ.กาญจนบุรี นายพิมลอ อุดมสิทธิกุล ชาวจังหวัดกาญจนบุรี นายสมหวัง เสือจันทร์ ชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพยานเท็จรับรองการให้ถ้อยคำดังกล่าว บุคคลทั้งหมด จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามปอ.มาตรา157 ประกอบมาตรา 86
4.นายธวัช แผ่ความดี อดีตปลัดจังหวัด รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้อนุมัติให้นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าว ในปีพ.ศ. 2519 โดยการอนุมัติได้พิจราณาจากสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการฯ จึงขอให้ปปช.สอบสวนเพิ่มเติมว่านายธวัชฯ อดีตปลัดจังหวัดกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิชอบนี้หรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป
5.นายฉลาด วงษ์ประเสริฐ อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นผู้เปลี่ยนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)ของเดิมเปลี่ยนมาเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก)ของใหม่ในปีพ.ศ.2536 ขอให้ปปช.สอบสวนเพิ่มเติมว่า นายฉลาดฯ อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิชอบดังกล่าวหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป
6.สำหรับเอกชนผู้รับโอนมาจากเจ้าของที่ดินเดิมลำดับที่ 1 นายชูศักดิ์ ชลประเวส ชาวกรุงเทพฯ ต่อมาโอนขายที่ดินดังกล่าวในปีพ.ศ. 2536ให้กับชาติชาย รุ่งโรจน์ธนกุล ชาวกรุงเทพฯผู้รับโอนลำดับที่ 2 ต่อมาก็ได้โอนขายให้กับ นางขวัญเมือง กิจหว่าง นางสาวศรุตา สัมพันธ์ นางศิริวรรณ บัวจันทร์ นางสม ชนะเลิศ ในปี พ.ศ.2555 ผู้รับโอนลำดับที่ 3 ต่อมาได้โอนขายให้ นางสาวสำนวล เต่าทอง นางสาวณัฐนันท์ สว่างศิริวงศ์ นายทรงพล เหล็กดี ในปีพ.ศ. 2562 เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวคนปัจจุปัน ขอให้ ปปช.สอบสวนเพิ่มเติม บุคคลทั้งหมด มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.)ดังกล่าวที่ออกโดยมิชอบหรือไม่เพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นเอกสารมหาชนที่รัฐออกให้ ที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าออกมาโดยถูกต้อง เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้สอย และทำประโยชน์ในที่ดิน ได้อย่างเต็มที่ จนกว่าจะถูกเพิกถอน ถึงแม้จะถูกเพิกถอน หากเจ้าของที่ดิน พิสูจน์ได้ว่าได้โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้มาโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน โดยไม่ได้มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของที่ดินที่ถูกเพิกถอน สามารถฟ้องต่อศาลปกครองเรียกค่าซื้อที่ดิน หรือค่าเสียหายคืนได้จากกรมที่ดิน เทียบเคียงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.254/2556 และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.111/2558