เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมโรฮีนจาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการจับกุมชาวโรฮีนจาจำนวน 19 คน ที่เขตดอนเมือง เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2564 และปรากฎว่าในจำนวนดังกล่าวมี 7 คน มีอาการติดเชื้อโควิด ซึ่งต่อมาทาง สตม. ได้ดำเนินการขยายผลจนทราบว่า คนโรฮีนจาดังกล่าวลักลอบเข้ามาทางด้านภาคตะวันตกด้วยประสงค์จะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย จึงได้นำไปสู่ยุทธการปิดล้อมตรวจค้นร่วมตำรวจพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่คนเมียนมาหลบหนีเข้ามา, กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่พักคน และจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จ.นครศรีธรรมราช, ปัตตานี และยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ส่งออกก่อนที่คนต่างด้าวดังกล่าวจะหลบหนีเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนได้สืบสวนขยายผล จนพบว่าเครือข่ายดังกล่าวหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ ปทุมธานี
จึงได้สืบสวนจนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวใช้บ้านหลังหนึ่งใน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุมธานี เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ปทุมธานี เข้าจู่โจมตรวจค้น ผลปรากฏว่า พบว่ามีบุคคลต่างด้าวจำนวน 7 คน โดยทั้งหมดเป็นชาวโรฮีนจา จากการสอบถามรับว่าได้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจริง โดยถูกนำพาออกจากประเทศเมียนมา โดยไม่มีหนังสือเดินทาง และมีทหารเมียนมาเป็นผู้พาเดินเท้าข้ามพรมแดนบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ และลักลอบเดินเท้าจนกระถึงจุดนัดหมายกับผู้ที่จะมารอรับเพื่อนำพาเข้าสู่ภาคกลาง เพื่อรอเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียต่อไป
เบื้องต้นแจ้งข้อหาทั้งหมดว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป