เผยแพร่:
ปรับปรุง:
“กรมการค้าต่างประเทศ” เผยการค้าชายแดนและผ่านแดนเดือน ม.ค. 64 ฟื้น ทำได้มูลค่า 128,849 ล้านบาท เพิ่ม 21.90% เผยหากแยกเฉพาะการค้าชายแดน เพิ่ม 6.81% การค้าผ่านแดน เพิ่ม 48.69% มั่นใจโตต่อเนื่อง หลังล่าสุดเปิดด่านการค้าเพิ่มเป็น 40 ด่าน แถม “จุรินทร์” ยังเร่งประสานกระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งเปิดเพิ่มอีก 3 ด่าน ตั้งเป้าการค้าชายแดนและผ่านแดนปี 64 มูลค่า 1.36-1.40 ล้านล้านบาท โต 3-6%
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย เดือนมกราคม 2564 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 128,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.90% แบ่งเป็นการส่งออก 74,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.91% และการนำเข้า 54,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.02% ได้ดุลการค้า 19,801 ล้านบาท และหากแยกเฉพาะการค้าชายแดนชายแดน มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% และการค้าผ่านแดน มูลค่ารวม 56,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.69% ซึ่งเป็นการขยายตัวเป็นบวก 2 เดือดติดต่อกันนับจาก ธ.ค. 2563 และยังสอดคล้องกับทิศทางการส่งออกที่ขยายตัวเป็นบวก 2 เดือนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) ที่มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% พบว่า มาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้า 26,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.65% รองลงมา คือ สปป.ลาว มูลค่า 16,771 ล้านบาท ลดลง 8.13% เมียนมา มูลค่า 13,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90% และกัมพูชา มูลค่า 15,063 ล้านบาท ลดลง 3.90% โดยสำหรับสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ และรถยนต์นั่ง เมียนมา ได้แก่ เครื่องเทศและสมุนไพร จักรยานยนต์ และปูนซีเมนต์ กัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์นั่ง และจักรยานยนต์
ด้านการค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้านไปตลาดจีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ มีมูลค่ารวม 56,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.69% โดยจีนเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับหนึ่ง มีมูลค่า 22,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.91% รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 8,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.99% เวียดนาม มูลค่า 5,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.45% และประเทศอื่นๆ มูลค่า 19,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.44% โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลำไยแห้ง และยางพารา สิงคโปร์ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด
นายกีรติกล่าวว่า แนวโน้มการค้าชายแดนและผ่านแดน คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพราะล่าสุด ณ สิ้นเดือนก.พ. 2564 มีการเปิดทำการจุดผ่านแดนเพื่อการขนส่งสินค้าทั้งสิ้น 40 แห่ง เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน ม.ค. 2564 จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วยด้านชายแดนไทย-เมียนมา 3 แห่ง คือ 1. จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี 2. จุดผ่อนปรนการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) จ.กาญจนบุรี และ 3. จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และด้านชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี 2 แห่ง คือ 1.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านซับตารี และ 2. จุดผ่อนปรนการค้าบ้านสวนส้ม
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ช่วยเร่งรัดการเปิดทำการจุดผ่านแดนเพื่อการขนส่งสินค้าเพิ่มอีก 3 แห่ง ตามข้อเสนอภาคเอกชนในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 ประกอบด้วย 1. จุดผ่านแดนถาวรบ้านปากแซง อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี 2. จุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงคาน จ.เลย และ 3. จุดผ่านแดนถาวรด่านท่าเสด็จ (ท่าเรือหายโศก) อ.เมืองหนองคาย
สำหรับเป้าหมายการค้าชายแดนและผ่านแดนในปี 2564 คาดว่าจะมีมูลค่า 1.36-1.40 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3-6% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ ความคืบหน้าในการพัฒนาและการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศเพื่อนบ้าน ยกเว้นเศรษฐกิจเมียนมาที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมา แต่ปัจจุบันสถานการณ์ในเมียนมายังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ประกอบการไทยยังสามารถทำการขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดนไทย-เมียนมาได้