เผยแพร่:
ปรับปรุง:
กาญจนบุรี – ศาลจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งให้คดีหมวดจรูญ ฟ้องครูปรีชา พ่วงทนายความคู่ใจ มีมูล นัดพร้อม 22 มี.ค.นี้ ในฐานความผิด ร่วมกันเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา
จากกรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 หมายเลข 533726 ซึ่งทาง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นผู้นำสลาก จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาทไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล
โดยนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดกาญจนบุรี แต่เมื่อหักภาษีแล้วเหลือเงินเข้าบัญชี จำนวน 29,850,000 ล้านบาทโดยหมวดจรูญ ได้เบิกเงินออกมาจากธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย จำนวน 5,500,000 บาท ยังคงเหลือเงินอยู่ในบัญชีธนาคารอีก จำนวน 24,350,000 บาท
ในที่สุดหมวดจรูญ ก็มาถูกนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ยื่นฟ้องแพ่ง ซึ่งศาลประทับรับฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ พ.1230/60 จากนั้นส่งคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีของหมวดจรูญที่เหลืออยู่เอาไว้ทั้งหมด
นอกจากคดีแพ่ง นายปรีชา ยังยื่นฟ้องคดีอาญาต่อหมวดจรูญ อีก 1 คดี ศาลได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร แต่ในที่สุดวันที่ 4 มิ.ย.2562 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง หมวดจรูญ ในคดีอาญา โดยพิพากษาว่า ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง ส่วนเงินที่อยู่ในบัญชี หมวดจรูญ วิมูล ได้ดำเนินการปิดบัญชีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคดีย่อยอีกหลายคดีที่ทั้งสองฝ่ายฟ้องร้องกันไปมา โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค.62 ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความส่วน ยื่นฟ้อง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา และนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความ ในข้อหาหรือฐานความผิด “ร่วมกันเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา” ซึ่งศาลจังหวัดกาญจนบุรีประทับรับฟ้องเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2512/2562 และนัดไต่สวนมูลฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 จากนั้นนัดฟังคำสั่งในวันที่ 1 ก.พ.2564
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (1 ก.พ.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยว่า วันนี้ตนพร้อมด้วย หมวดจรูญ ได้เดินทางไปฟังคำสั่งตามที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดเอาไว้ ส่วนฝ่ายครูปรีชา จำเลยที่ 1 และทนายวรยุทธ จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล แต่ได้มอบฉันทะให้ทีมทนายความมารับฟังแทน
ซึ่งศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า คดีที่ หมวดจรูญ ฟ้องครูปรีชา และทนายวรยุทธ นั้นมีมูล ทั้งสองจึงตกเป็นจำเลย จากนั้นศาลท่านได้นัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 มี.ค.64
ประเด็นพิจารณาข้อกฎหมายที่สำคัญคือศาลท่านได้วินิจฉัยว่าถึงแม้คดีหลักจะอยู่ระหว่างที่ฝ่ายครูปรีชา ยื่นฎีกาอยู่ แต่ความผิดเรื่องร่วมกันฟ้องเท็จมันสำเร็จแล้วตั้งแต่วันที่ยื่นฟ้อง และศาลท่านได้ยกเอาสำนวนที่มีการตัดสินในคดีหลัก ว่าอันที่จริงแล้วครูปรีชาไม่ได้ไปที่ตลาดเรดซิตี้ในวันที่ 31 ต.ค.60 ซึ่งแท้จริงแล้วครูปรีชา ไปวันที่ 27 ต.ค.60 แต่มาบอกว่าไปวันที่ 31 ต.ค.60 ท่านมองว่าคดีนี้มีมูล ซึ่งทางทนายโจทก์และตัวโจทก์ได้นำสืบครบองค์ประกอบความผิด จากนี้ไปให้ไปว่ากันต่อในชั้นการพิจารณา ซึ่งศาลได้นัดแล้วพร้อมในการตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 มี.ค.64 เวลา 14.00 น.
โดยในวันดังกล่าวตัวครูปรีชา และทนายวรยุทธ อาจจะขอประกันตัวในวันนั้น หรืออาจจะมาขอยื่นประกันตัวก่อนก็ได้ จากนั้นฝ่ายเราจะนำเสนอต่อศาลว่า เราจะมีพยานกี่ปาก เช่น พยานเอกสารพยานวัตถุว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างคงจะเหมือนกับการสืบพยานในคดีหลัก แต่เพียงแค่ครั้งนี้มาสืบพยานซ้ำอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น