พิษณุโลก “นิยม ช่างพินิจ”ควง “เป๋ คลองเตย”คนเสื้อแดงขึ้นเวทีปราศรัย
สุดปวดร้าวเลิกแบ่งสี
วันที่ 24 ธันวาคม 2565 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีปราศรัยย่อยๆ โดยมีประชาชนใน ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก โดยมีประชาชนในหลายหมู่บ้านประมาณ 500 คนมาร่วมรับฟังการปราศรัย นโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับเชิญ”เป๋ คลองเตย”หรือ นายณรงค์ศักดิ์ มณี อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นเวทีปราศรัยถึงอดีตแสนปวดร้าวมีแต่คดีความ เมื่อเย็นวานนี้ 23 ธ.ค.2565
นายณรงค์ศักดิ์ มณี กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า อดีตตนร่วมต่อสู้มวลชนกับกลุ่มเสื้อแดง ไม่มีอะไรดี มีแต่คดีเต็มไปหมด จาก 8 คดี แก้จนเหลือ 2 คดี มาขึ้นเวที เพราะเห็นใจคนทำงานอย่าง ส.ส.นิยม ช่างพินิจ อดีตสังกัดพรรคเพื่อไทย หากได้เป็นรัฐบาล ถนน 4 เลนมุ่งหน้าไป อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร และเขื่อนกั้นแม่น้ำน่าน ที่ อ.บางกระทุ่ม ควรจะเสร็จแล้ว เขาเป็น 1 ใน 500 ส.ส.ที่รู้เรื่องข้าวเป็นอย่างดี มั่นใจได้เลยฝีมือเขาสามารถนั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรได้
“การเห็นต่าง มีบ้างในสังคมไทย การต่อสู้มวลชนเสื้อแดงที่ผ่านมา ถือเป็นอุดมการณ์ พอถึงจุดหนึ่งก็อิ่มตัว วันนี้ อยากเห็นความสามัคคีของคนทุกสีของคนในชาติ ไม่ควรแบ่งสี ควรให้ ส.ส.นิยม มีโอกาสพัฒนาจังหวัดพิษณุโลกได้แล้ว”เป๋ คลองเตย กล่าว
นายนิยม ช่างพินิจ สังกัดพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สมัยที่ทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ จ.กาญจนบุรี เห็นความเจริญของ จ.สุพรรณบุรีจำได้ติดตา อาทิ ถนนริมคลองชลประทานล้วนถูกลาดยางจนเกือบหมด จึงฝังใจและประทับใจ อยากกลับมาพัฒนาพิษณุโลก เคยเข้าพบฯพณฯบรรหาร แจ่มใจ อดีตนายกฯพรรคชาติไทย แต่สุดท้ายไปใส่เสื้อพรรคไทยรักไทยในยุคนั้นถึงวันนี้ เป็นนักการเมืองมา 18 ปี เป็นผู้ให้มาตลอด ประชาชนขอ ไม่เคยขัด เว้นแต่คนในครอบครัวขอ ผมจะต้องถามเหตุผลก่อน นี่คือ ความเจ็บปวด ของคนเป็นนักการเมือง
นายนิยม กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะลูกสาวที่ต้องรับผลกระทบ ร้องไห้บ่อยครั้ง เพราะการแบ่งสีเสื้อเหลือง-แดง ถูกโยง ถูกล้อเลียนว่า เป็นลูก ส,ส, เสื้อแดงบ้างละ วันนี้ลูกตนก็ยังเจอกับคำว่า”งูเห่า”อีก บังเอิญลูกสาวคนโตพอเข้าใจบ้างแล้ว ตนจึงอธิบายให้ฟังว่า ผมอยากจะทำอะไรให้เมืองพิษณุโลก เป็นชิ้นเป็นอันสักที เช่น นักการเมืองท่านหนึ่ง สามารถก่อตั้ง มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ บ้างก็ทำถนนวงแหวนได้ แต่ตนเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่พรรคเพื่อไทยมาหลายปี มีผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ขอโครงการต่างๆ แต่ทำให้ไม่ได้
นายนิยม กล่าวด้วยว่า กระทั่งนั่งกินข้าวปรึกษากำนัน, นายกฯอบต.ในเขตเลือกตั้งที่ 4 สรุปว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยควรย้ายพรรค ส่วนที่ไม่เห็นด้วย เพียง 2-3 คน ถึงขั้นทะเลาะกันก่อนจะย้ายพรรค แต่สุดท้ายได้ต่อรอง กลั่นกรองดีแล้วโดยยึดหลักพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง หากใครจะด่าครอบครัวผม ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำให้ พิษณุโลกจะเจริญก็ไม่ว่ากัน ที่ผ่านมา ตนพบกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (อนุทิน) ชวนมาอยู่ ตนจึงถามกลับว่า ทำไม ถึงอยากได้ตนไป นายอนุทินตอบว่า อยากให้ไปร่าง นโยบายเกษตรของพรรคฯ จึงตกลง และสามารถร่างนโยบายเกษตรเป็นที่เรียบร้อย ฉะนั้นราคาข้าวเปลือกไม่ต่ำ 12,000 บาทต่อเกวียนแน่
“มั่นใจว่า นโยบายพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะสามารถเชื่อมได้ทั้งพรรคซ้ายหรือขวา ผมตัดสินใจดีแล้วว่า ถ้าเป็นงูเห่า แล้วผันงบมาพัฒนาพิษณุโลกเป็นพันล้านล้านหมื่นล้านบาทก็ยอม จ.พิษณุโลกเสียโอกาสมานาน ถามว่า เคยเห็น จ.บุรีรัมย์ เมื่อ10 ปีหรือไม่ จากเดิมเมืองไม่มีอะไรเลย แต่วันนี้ เปลี่ยนไปมาก เดิมรายได้ประชากรต่อหัว(GPP) รั้งอันดับท้ายของประเทศ แต่ปัจจุบันติดอันดับต้นๆไปแล้ว ฉะนั้น วันนี้ผมจึงอยากเห็นพิษณุโลกต้องพัฒนาเมืองได้แล้ว”นายนิยม กล่าว