มือปืนยิงหนุ่มขับรถส่งน้ำมันเสียชีวิตหน้าบ้าน เข้ามอบตัวแล้วหลังสำนึกผิด ก่อเหตุเพราะแค้นแทนเพื่อนที่ถูกตักเตือนและชกต่อยกับฝ่ายตรงข้ามสู้ไม่ได้ ขณะที่ ตำรวจเร่งล่าเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือ 2 คน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลังแก๊งก่อเหตุ ลงสนามข่าวนี้กับ คุณเตชะวัฒน์ สุขรักษ์
พ่อและแม่ นายนิเวศน์ ยี่โถหุ่น อายุ 35 ปี เหยื่อคมกระสุนปืนกลุ่มวัยรุ่นในตำบลเขาน้อย อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เผยความในใจหลังลูกชายคนโตเสาหลักของครอบครัว ทำงานเป็นพนักงานขับรถขนส่งน้ำมันที่จังหวัดชลบุรี ต้องกลับมาจบชีวิตหน้าบ้านตัวเอง กลางดึกวันที่ 30 มกราคม เพราะแค่ออกจากบ้านไปตักเตือน นายปรีชา หอมหาน อายุ 38 ปี ที่อยู่อีกหมู่บ้าน อย่าซิ่งและเบิ้นเครื่องรถจักรยานยนต์ เพราะรบกวนชาวบ้านยามค่ำคืน และพ่อของตัวเองก็ป่วยมีโรคประจำตัวจึงอยากพักผ่อน
ถึงวันนี้ทั้งพ่อ แม่ เพื่อนบ้าน ก็ยังอยู่ในความโศกเศร้า เพราะ นายนิเวศน์ ถือเป็นเสาหลักครอบครัว ยืนยัน ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร แต่กลับกันถือเป็นคนหนุ่มทำมาหากิน ตั้งใจเก็บเงินเลี้ยงดูและนำมาสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่สุขสบายในช่วงบั้นปลายของชีวิต จึงอยากให้ผู้ที่ก่อเหตุได้รับโทษทุกคน
ชาวบ้าน ยืนยัน ผู้ก่อเหตุชอบซิ่งรถจักรยานยนต์รบกวนชาวบ้าน โดยเฉพาะช่วงกลางคืน ในหมู่บ้านที่เคยมีความเงียบสงบ แต่กลับถูกรบกวนด้วยการซิ่งรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นบางคน
หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าม่วง ลงพื้นที่หาเบาะแส จนรู้ตัวแก๊งวัยรุ่นที่ก่อเหตุ และเช้าวานนี้ นายนราธิป ชุลีพันธุมาศ ผู้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลืออีก 2 คน ยังหลบหนี ขณะที่อีก 3 คน ประกอบด้วย นายปรีชา คู่กรณีนายนิเวศน์ พร้อม นายศักดิ์ดา อินทรเปี่ยม อายุ 29 ปี และ นายวุฒิชัย เอี่ยมหนู อายุ 33 ปี อยู่ระหว่างการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส เพราะหลังก่อเหตุซิ่งรถหลบหนีจนเสียหลักพุ่งเข้าไร่อ้อย
ส่วนปมเหตุเกิดจาก นายนิเวศน์ ออกจากบ้านมาตักเตือน นายปรีชา ก่อนทั้งคู่ชกต่อยกัน แต่ นายปรีชา สู้ไม่ได้ จึงไปตามเพื่อนมาช่วยเหลือ และเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ นายปรีชา พร้อมพวกอีก 5 คน ซิ่งรถจักรยานยนต์ 5 คัน ย้อนกลับมาเรียกให้ นายนิเวศน์ ออกจากบ้าน จากนั้น นายนราธิป ก็ชักทูตมรณะลั่นไกใส่ นายนิเวศน์ คมกระสุนพุ่งเข้าร่าง 4 นัด ล้มลงกลางถนน และยังหันกระบอกปืนยิงใส่ชาวบ้านที่นั่งพูดคุยดื่มกินในศาลาประชาคม ตรงข้ามบ้านของ นายนิเวศน์ ทำให้ทุกคนต้องวิ่งหนีชุลมุน
หลังสอบปากคำ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง แจ้งข้อหาแก่ นายนราธิป ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน และยืนยันคดีนี้ทำตรงไปตรงมา ไม่มีผู้ใหญ่ในพื้นที่บางคนช่วยเหลือกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุที่เหลืออยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกี่ยวข้องเพียงใด
เหตุอุกอาจกลางหมู่บ้าน ทำให้ตำรวจในพื้นที่ต้องเร่งล้างอาชญากรรม หลังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มีมาตรการให้ทุกพื้นที่เร่งกวาดล้างอาวุธปืน และทำประวัติกลุ่มวัยรุ่นที่มักรวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีกในพื้นที่