กรมเจ้าท่า เร่งสร้างเรือโดยสารหางยาวไฟฟ้า นำร่อง 3 ลำ พร้อมขยายเพิ่ม 8-10 ลำในอนาคต ยกระดับท่องเที่ยวสีเขียว ปลอดภัยไร้มลพิษ ต้อนรับบูมเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังโควิด-19 คลี่คลาย คุมเข้มแพเมืองกาญจนบุรี 2,117 ลำ ต้องได้มาตรฐาน-ปลอดภัยก่อนให้บริการ
ศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 เวลา 07.38 น.
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมนายภูเมศ สุขม่วง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 และคณะเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจติดตามโครงการต่อเรือไฟฟ้าต้นแบบ เรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมทดลองนั่งก่อนใช้งานจริง ณ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากได้รับทราบปัญหาของชุมชนในพื้นที่ เรื่องเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ มีการวิ่งเร็ว และมีเสียงดัง ประกอบกับมีควันดำ ส่งผลให้เกิดมลพิษทางเสียง อากาศและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์
จากนั้นตนได้สั่งการให้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สำนักมาตรฐานเรือ และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครปฐม ร่วมกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพด้านการต่อเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้แก่ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด และชุมชนในท้องถิ่น ร่วมกันดำเนินการต่อเรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้งานในคลองดำเนินสะดวก ให้เป็นเรือต้นแบบที่ลดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้คนในชุมชนได้นำไปเป็นทางเลือกในการต่อเรือใหม่ หรือเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลเก่ามาใช้มอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า พร้อมทั้งได้จัดทำร่างข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการตรวจเรือ โดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับ เรือหางยาว ที่จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งเข้ากระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณา โดยนำร่องการพัฒนาเรือหางยาวท่องเที่ยวให้เป็นเรือไฟฟ้าต้นแบบที่ใช้งานได้จริงและไม่เกิดเสียง หรือมลพิษทางอากาศ ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยโครงการดังกล่าวมีเรือจำนวน 3 ลำ เป็นเรือไม้ 2 ลำ และเรือจากภาคเอกชน ประกอบขึ้นด้วยอลูมิเนียม 1 ลำ ซึ่งชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลา 4 ชม. วิ่งได้ ประมาณ 10 กม. ความเร็วสูงสุด ประมาณ 20 กม.ต่อชม. และสามารถชาร์จไฟที่บ้านได้
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบาย โดยให้แนะนำผู้ประกอบการและชุมชน เปลี่ยนมาติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ให้เกิดขึ้น 8-10 ลำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง เป็นการท่องเที่ยวสีเขียววิถีใหม่ปลอดภัยไร้มลพิษอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี โดยมีนายประทิน ออมสิน ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งบรรยายสรุป ข้อมูลหน่วยงาน ข้อมูล แม่น้ำ ลำคลองในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ได้ตรวจสอบ และจดทะเบียนแพมีทั้งหมด 2,117 ลำ แบ่งเป็น จำนวนแพจอด ทั้งหมดใน จ.กาญจนบุรี ประมาณ 1,200 หลัง ดำเนินการออกใบอนุญาตแล้ว 651 หลัง และแพลากจูง มีจำนวน 917 หลัง ดำเนินการยื่นเอกสารแล้ว 109 หลัง
นายวิทยา กล่าวอีกว่า จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจแพในเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ ออกตรวจแพทุกลำ ก่อนถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ให้ได้มาตรฐานที่ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของกรมเจ้าท่า และมีสภาพพร้อมต่อการใช้งาน หากพบแพที่ไม่ได้มาตรฐาน ให้รีบดำเนินการแก้ไข และสั่งห้ามใช้แพโดยเด็ดขาด และสั่งการให้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณแพ เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
100%
-
ไม่เห็นด้วย
0%