เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในเขตป่า โดยให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นเป็นสองเท่าตามนโยบาย ทส.ยกกำลัง2+4 โดยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมี น.ส.ศิริวรรณ โดดสังข์ ผู้ดูแลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้อนุญาตและเป็นผู้นำตรวจ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) เลขที่ 2825 จำนวน 99 ไร่ 63 ตาราวา ที่ออกในปีพ.ศ.2536 โดยเปลี่ยนมาจากหนังสือรับรองการประโยชน์ (น.ส.3)สารบบเล่ม 48 หน้า 81 ซึ่งออกในปี พ.ศ.2521 ตามมาตรา 59 ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ. 2515 เป็นการออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เฉพาะราย ในที่ดินซึ่งบุคคลครอบครอง และทำประโยชน์ ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดิน ใช้บังคับ (1ธ.ค.พ.ศ.2497) โดยไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา5ประมวลกฎหมายที่ดิน
จากการตรวจสอบพื้นที่ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) ดังกล่าวโดยใช้เครื่องวัดพิกัด ดาวเทียม GPS ตรวจสอบจุดรอบแปลงดังกล่าว จำนวน 35 จุด นำไปตรวจสอบ ปรากฏว่าออกทับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ที่ประกาศฯในปีพ.ศ.2508 และออกทับในเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2516 เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ ย้อนหลังเมื่อปีพ.ศ.2495 ถึง พ.ศ.2499 ผลภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณดังกล่าว ปรากฏว่า ในระยะเวลาดังกล่าวสภาพป่าผลัดใบเต็ม แปลงไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ แต่อย่างใด
จึงเห็นได้ชัดเจนว่า การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.)ดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 59 ทวิ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.พ.ศ.2515 เพราะไม่ได้มีการครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดิน ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และขัดกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 ข้อ8 (2)ห้ามออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่เขา ที่ภูเขา ที่สงวนห้าม หรือที่ดิน ที่ส่วนราชการเห็นว่า ควรสงวนไว้เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และขัดกับระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2515 ข้อ 7(2) และข้อ 9 (1) การออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องไม่อยู่ในเขตที่ทางราชการ จำแนกไว้เป็นเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) ดังกล่าว ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องถูกศาลสั่งเพิกถอนตามมาตรา 82 วรรคท้าย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 และตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ได้ให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ส่งเรื่องต่อป.ป.ช.สอบสวนชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย อดีตนายทหาร ผบ.จทบ.รบ. (ส่วนแยก ก.จ.) อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี อดีตพนักงานที่ดิน อำเภอเมืองกาญจนบุรี บุคคลดังกล่าวทั้งหมด ได้สอบสวนสิทธิในวันที่ 5 พ.ย.2519 และรับรองว่า บริเวณที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าว ได้มีผู้อยู่อาศัยทำกินมาก่อน พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ.2481 และที่ดินแปลงนี้ อยู่นอกเขตป่าสงวนหวงห้าม อยู่นอกเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเท็จ บุคคลทั้งหมดจึงมีความผิดตาม มาตราปอ.มาตรา 157 ฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐเสียหาย ส่วนอดีตหัวหน้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ไปรับรองว่าบริเวณดังกล่าว อยู่นอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อันเป็นเท็จ จึงมีความผิดตามปอ.มาตรา 157
สำหรับเจ้าของชาวกรุงเทพฯผู้ยื่นคำขอ ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าว ให้ถ้อยคำว่า เดิมที่ดินแปลงนี้ ทำประโยชน์มาประมาณ 40 ปี ต่อมาได้ขายให้กับทหารยศจ่าสิบตรี ต่อมาโอนขายให้ชาวกทม. อันเป็นเท็จ โดยมีอดีตกำนันตำบลวังด้ง จ.กาญจนบุรี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี 2 คน เป็นพยานเท็จ รับรองการให้ถ้อยคำดังกล่าว บุคคลทั้งหมด จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามปอ.มาตรา157 ประกอบมาตรา 86
อีกทั้งมีอดีตปลัดจังหวัด รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้อนุมัติให้นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าว โดยการอนุมัติ ได้พิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการฯ จึงขอให้ปปช.สอบสวนเพิ่มเติมว่า อดีตปลัดจังหวัดกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยมิชอบนี้หรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนอดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นผู้เปลี่ยนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของเดิม เปลี่ยนมาเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) ของใหม่ในปีพ.ศ.2536 ขอให้ ป.ป.ช.สอบสวนเพิ่มเติมว่า อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรีมีส่วนเกี่ยวข้อง การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิชอบ ดังกล่าวหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับเจ้าของที่ดินคนปัจจุบัน รวมทั้งผู้รับโอนมาจากเจ้าของที่ดินเดิม รวม 9 คน ก็ขอให้ปปช.สอบสวนเพิ่มเติม บุคคลทั้งหมดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการออกหนังสือรับรอง การทำประโยชน์(น.ส.3ก.)ดังกล่าว ที่ออกโดยมิชอบหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป