‘บิ๊กป้อม’ สั่งกระทรวงแรงงานเอาผิดนายจ้าง นำเข้าแรงงานเถื่อน ไม่มีละเว้น สุชาติ ตั้งชุดเฉพาะกิจ 5 ชุดลงพื้นที่ตรวจจับ ขู่มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม และมีผู้ว่าฯจังหวัดชายแดน ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี อุบลราชธานี สระแก้ว และนราธิวาส ร่วมประชุมด้วย ผ่านระบบ VTC เพื่อมอบนโยบายแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้หารือถึงมาตรการป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)จะมีการแถลงให้ทราบกัน ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะดูในเรื่องสถานประกอบกิจการที่มีการนำแรงงานผิดกฏหมายเข้ามา ที่ผ่านมาได้จับไปแล้วถึง 3 แสนกว่าคนใน 2 หมื่นกว่ากิจการ
“เรากำลังจะประชุมร่วมกับประธานหอการค้าไทย สภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ก่อนจะออกประกาศกฎกระทรวง เพื่อขอความร่วมมือและเอาผิดกับนายจ้างทั้งหมดที่นำเข้าแรงงานผิดกฏหมาย จะกำหนดบทลงโทษชัดเจน โดยจะมีชุดเฉพาะกิจทั้งหมด 5 ชุดออกตรวจจับ ถ้าเจอ จะดำเนินคดีให้สูงที่สุด ไม่มีละเว้นและรายงานผลออกมา เรื่องนี้เป็นนโยบายของพล.อ.ประวิตร อยู่แล้ว จากนี้จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด แต่จะไม่มีการดำเนินการย้อนหลังกับโรงงานที่ทำความผิดก่อนหน้านี้” รมว.แรงงาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรก็สถานประกอบการหรือเจ้าของโรงงานที่ไม่ยอมให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 รมว.แรงงาน กล่าวว่า ตรวจได้ ตนมีอำนาจตรวจ ซึ่งโทษจะมีทั้งจำทั้งปรับ ส่วนบางโรงงานที่ปกปิดข้อมูลนั้น ไม่เชิงปกปิดข้อมูล และมีไม่เยอะ อย่างบางเคสที่เราเจอ จะปรามเพื่อไม่ให้มีการสั่งออเดอร์แรงงานเข้ามา ถ้าสั่งมาก็จับโดยส่งข้อมูลให้ตำรวจดำเนินคดี กระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้กล่าวโทษ ส่วนการดำเนินคดีจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งมีโทษแรง
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทางตำรวจซึ่งได้ คุยกับผบ.ตร.แล้ว รวมถึงกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ความจริงก่อนหน้านี้เราก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีสถานการณ์ของโควิดอยู่ จึงมีความเป็นห่วง
เมื่อถามถึงบุคลากรด่านหน้าทั้งหมอ พยาบาล ทำงานเหนื่อยกันมาก แต่ด่านหลังกลับปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามา นายสุชาติ กล่าวว่า ความจริงต้องดูว่าตัวเลขที่เข้ามามีจำนวนเท่าไหร่ ความจริงไม่ได้มากอย่างที่คิดกัน และการที่จะติดเชื้อก็ไม่ได้ติดเฉพาะจากคนต่างชาติ แต่ก็มีติดจากคนไทยด้วย เพราะฉะนั้นต้องบูรณาการร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวหนักใจกับโรงงานต่างๆ ที่มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาหรือไม่ รมว.แรงงาน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าทุกโรงงานจะมีแรงงานต่างด้าว เพราะที่ไปตรวจ บางโรงงานก็ไม่มี หรืออย่างแคมป์คนงานที่อิตาเลียนไทยที่พบการติดเชื้อ ปรากฏว่าไม่ได้ติดจากแรงงานต่างด้าว แต่ติดจากคนไทยที่พบติดเชื้อถึง 15 คน
ขณะนี้จะนำทีมเข้าไปฉีดวัคซีนในโรงงานที่มีคนงาน 500 คนขึ้นไป ส่วนโรงงานอื่นๆ บางครั้งหากจะเข้าไปฉีดก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือไม่ เพราะหากฉีดแล้วเกิดผลกระทบอะไรขึ้นมาก็อาจจะลำบากในการนำตัวไปยังโรงพยาบาล