เผยแพร่:
ปรับปรุง:
กาญจนบุรี – อุทาหรณ์คดีเผาป่า ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับ 4 แสน ลุงวัย 64 ปี คดีเผาป่าเขต อช.เขื่อนศรีฯ เมื่อปี 63 ส่วนผู้แจ้งเบาะแสรับรางวัล 2 เด้ง เด้งแรกรับไปเลย 1 หมื่น เด้งที่ 2 รับ 80% จากค่าปรับหลังศาลตัดสิน
จากกรณีนายสมควร อักษรศาสตร์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จับกุมขณะกำลังเผาป่าที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนรินทร์ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ ดำเนินคดี ในข้อหาเผาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท เหตุเกิดวันที่ 3 เม.ย.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ว่า คดีดังกล่าวนั้นนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับคดีเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นคดีที่กระทำผิด พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งถือว่ามีโทษที่รุนแรงมาก
โดยที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อบุคคลผู้เผาป่า ซึ่งทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ และส่งผลกระทบให้เกิดมลพิษทางอากาศ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และต้องดูแลช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ให้มีสวัสดิการที่ดีในการทำงาน
สำหรับกรณีที่นายสมควร ถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นอุทาหรณ์ให้กลุ่มบุคคลทั่วไปที่คิดจะเข้าไปเผาทำลายผืนป่าเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนตนหรือเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายสมควร อักษรศาสตร์ (จำเลย) เป็นเวลา 4 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท แต่นายสมควร ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีจึงมีเหตุบรรเทาโทษ
โดยลดโทษการจำคุกให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี และปรับลดเหลือ 200,000 บาท อีกทั้งพบว่า นายสมควร ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี แต่ต้องคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทั้งหมด 4 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์ เพื่อการฟื้นฟูเฝ้าระวัง ดูแลหรือสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่พนักงานควบคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งนายสมควร ไม่ขออุทธรณ์ คดีจึงถือว่าสิ้นสุด
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า สำหรับคดีข้างต้นที่เกิดขึ้นนั้น สืบเนื่องจากมีพลเมืองดีเป็นผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมตัวนายสมควร ได้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น ผู้แจ้งเบาะแสได้รับเงินรางวัลจากกองทุนสวัสดิการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไร ของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2544 ข้อ 18 (1) หรือ (3) ไปแล้วจำนวน 1 หมื่นบาท
และนอกจากนี้ ผู้แจ้งเบาะแสและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้รับเงินรางวัลเป็นสินบนนำจับจากศาล ในอัตราร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของเงินค่าปรับจากจำเลย จำนวน 200,000 บาท เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้รับเงินรางวัลอีกจำนวนประมาณ 160,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัล และค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงาน พ.ศ.2548 ซึ่งจะต้องจ่ายให้นายหวังดี หรือผู้แจ้งเบาะแส และเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมจับกุมภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเงินค่าปรับ